Saturday, March 10, 2007

Paypal คืออะไร

Paypal คือ ระบบบริการชำระเงินออนไลน์ โดยเปรียบเสมือนเป็นธนาคารแห่งหนึ่ง จะทำหน้าที่เก็บเงิน และถอนเงินเข้าสู่ธนาคารในประเทศไทยของท่าน ซึ่งในการรับเงินแต่ละครั้งนั้นจะมีค่าธรรมเนียมต่อครั้ง มีเรทดังต่อไปนี้

1. หากรับเงินภายในประเทศไทยด้วยกันเสียเรท 3.4%+030c รับเงิน $100 จะเสีย $3.7 ต่อ 1 ครั้งการรับเงิน

2. หากรับเงินนอกประเทศที่ไม่ใช่ประเทศไทยจะเสียเรท 3.9%+0.30c รับเงิน $100 จะเสีย $4.2 ต่อ 1 ครั้งการรับเงิน

หากจะสมัคร Paypal แนะนำให้ท่านสมัครแบบ Premier จะดีที่สุดครับ เพราะจะรับเงินจากบัตรเครดิตได้ทันที โดยไม่ต้องอัพเกรดครับ

Monday, March 05, 2007

อีเบย์ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์

อีเบย์ เปิดบริการ eBay Seller OnRamp ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ สำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในการขายบน eBay โดยผู้เชี่ยวชาญ OnRamp ของอีเบย์จะแนะนำเทคนิคการซื้อขาย เพื่อช่วยให้คุณขายของสู่ตลาดโลกบน eBay ได้อย่างสะดวกง่ายดาย พร้อมแนะนำรายละเอียดการลงทะเบียน การส่งของ วิธีการจ่ายเงิน รวมถึงการเปิดร้านรองรับการสั่งซื้อจากลูกค้า

ฟรี ! สำหรับสมาชิกใหม่ eBay จำนวน 1,000 ท่านแรก

คลิก อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://pages.ebay.co.th/onramp

อีเบย์ ตลาดสท้านโลก

"ปัจจุบัน อีเบย์มีสมาชิกอยู่ทั่วโลกมากกว่า 220 ล้านคน สินค้าที่ขายดีในอีเบย์ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าของสะสม อย่างพวกแสตมป์ หรืออย่างเมื่อปีที่แล้วมีคนโพสต์ขายไม้กอล์ฟ ปรากฏว่าก็ขายได้ หรืออย่างกล้วยไม้ไทย หรือแม้แต่ปลากัดก็เป็นสินค้าที่ขายได้ และขายดีบนอีเบย์"

นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ "หญิงเก่ง" นารีมาลย์ เจียงประดิษฐ์ ปัจจุบันเป็นตัวแทน "อีเบย์" ในประเทศไทย เธอเล่าให้ฟังว่า อีเบย์ ปัจจุบันได้กลายเป็นเวบไซต์ ช่องทางทำมาค้าขายของคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่เห็นผลชัดที่สุด เป็นเหมือนการสร้างตลาด "ส่งออก" ให้เกิดขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกมาก

"วันนี้ โคมไฟของคุณยายที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกขนลำเลียงมายังกรุงเทพฯ เกือบทุกอาทิตย์ เพื่อส่งไปยังประเทศยุโรป รวมไปถึงประเทศอย่างออสเตรเลีย ซึ่งสั่งซื้อโคมไฟจากคุณยายที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ คุณยายแค่นั่งทำโคมไฟอยู่ที่บ้าน คนอีกทวีปหนึ่งสามารถเห็นความสวยงามของโคมไฟคุณยาย และสั่งซื้อผ่านทางอีเบย์" นารีมาลย์ เล่า

"อีเบย์" เวบไซต์ขายของอันดับ 1 ของโลก กำลังสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการ "อี-คอมเมิร์ซ" เมืองไทย รวมไปถึงผู้ประกอบการค้าขายในโลกยุคใหม่ นำทีมโดยผู้บริหาร "แซม แม็คโดนาห์" ผู้อำนวยการ อีเบย์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"ประเทศในทวีปเอเชีย ถือเป็นตลาดซื้อขายบนอีเบย์ที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผมคงไม่สามารถบอกตัวเลขการซื้อขายในแต่ละประเทศได้ บอกได้แต่ว่าประเทศไหนมีการซื้อขายบนอีเบย์กันมาก แน่นอนว่าไทยเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ก็มีฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และจีน" แม็คโดนาห์ เล่า

นับตั้งแต่ปี 2538 อีเบย์ ถือเป็นผู้บุกเบิก และสร้างชุมชนจากทั่วโลกให้มารวมตัวกัน เพื่อทำธุรกรรมการค้าบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้อีเบย์เติบโตขึ้น และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

"อีเบย์" (www.ebay.com) ก่อตั้งโดย "ปิแอร์ โอมิดยาร์" ตอนนั้นใช้ชื่อว่า "Auctionweb" เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเวบไซต์ส่วนตัวที่เขาทำขึ้นมา และเจ้าของตัวจริงคือบริษัท "Echo Bay Technology Group" ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของโอมิดยาร์

ครั้งแรกเขาพยายามขอจดชื่อเวบไซต์ EchoBay.com แต่มีคนจดชื่อนี้ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงย่อชื่อให้สั้นลงมาเป็น eBay.com ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สองของเขา อีเบย์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย มีประธานบริษัทและซีอีโอคนเดียวกันชื่อ เม็ก ไวท์แมน มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2541 และถือเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการเร็วที่สุดแห่งหนึ่ง

เวบไซต์อีเบย์มีสินค้ารอซื้อขาย และประมูลเป็นล้านๆ ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นพวกของสะสม เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องมือ รถยนต์ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และของเบ็ดเตล็ดมากมาย เปิดให้ซื้อขายกันทุกวัน

บางอย่างเป็นพวกของหายาก บ้างก็เป็นของมีราคาแพงหูฉี่ บางอย่างเป็นของเก่าเก็บ และคงถูกปล่อยทิ้งขว้างไม่มีราคา แต่ด้วยตลาดของอีเบย์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วโลก ของที่ดูเหมือนจะไร้ค่าสำหรับคนทั่วไป กลับเป็นของที่ต้องการสำหรับใครสักคน

แต่ก็ใช่ว่าตลาดอีเบย์จะเปิดรับซื้อขายสินค้าทุกอย่าง อีเบย์ห้ามขายพวกยาสูบ (ยกเว้นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และของสะสม อย่างเช่น ไปป์ ห้ามขายเหล้า (ยกเว้นของสะสมที่เกี่ยวข้องกับสุรา และเปิดให้ขายไวน์ได้เฉพาะผู้ขายที่มีใบอนุญาตขายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น)

ห้ามขายพวกอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ที่เกี่ยวข้องกับนาซี ห้ามขายสื่อเพลงที่ลักลอบบันทึกและนำมาจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ห้ามขายอาวุธปืน และเครื่องกระสุน ห้ามขายเสื้อผ้ามือสองที่สกปรกเหม็น และห้ามขายอวัยวะและชิ้นส่วนมนุษย์

เวบอีเบย์มีระบบที่เรียกว่า Feedback ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายจะเป็นคนคอยให้คะแนนสำหรับการตกลงซื้อขายสินค้า ระบบดังกล่าวจะช่วยให้อีเบย์เป็นตลาดสินค้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายได้ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถให้คะแนน ซึ่งมีตั้งแต่พอใจ เฉยๆ และไม่พอใจ

รวมทั้งสามารถเขียนความเห็นที่มีต่อกันและกันได้ คะแนนและความเห็นเหล่านี้จะติดอยู่กับประวัติซื้อขายของสมาชิกอีเบย์ไปตลอด และสามารถเข้าไปดูได้ในส่วนที่เรียกว่า eBay Community

แม็คโดนาห์ บอกว่า ไตรมาสที่ 3 ปี 2549 มูลค่าการซื้อขายสินค้าขั้นต้นของสินค้าที่ขายได้บนอีเบย์สูงถึง 12,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 31% มีสินค้ามากกว่า 89 ล้านรายการที่วางบนอีเบย์ในแต่ละช่วงเวลามากกว่า 50,000 ประเภท และมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 6 ล้านรายการทุกวัน โดยมีรายได้รวมในไตรมาสเดียวกันนี้ 1,049 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่ทุกๆ วินาทีจะมีการซื้อขายสินค้าบนอีเบย์จากสมาชิกทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,590 เหรียญสหรัฐ!!!

และหมวดสินค้าที่มีการซื้อขายสูงสุดบนอีเบย์ทั่วโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นั่นคือ หมวดสินค้า "อีเบย์ มอเตอร์" ที่มีมูลค่าการซื้อขายถึง 16.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วย เสื้อผ้า และเครื่องประดับ มูลค่าการซื้อขาย 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่าการซื้อขาย 3.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

"ผู้ใช้อีเบย์รายแรกจากไทยลงทะเบียนเป็นสมาชิกเมื่อปี 2539 ผู้ขายจากไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ขายที่มีการทำธุรกรรมซื้อขายมาก โดยมองไปที่การส่งออกไปยังผู้ซื้อทั่วโลก สินค้าจากไทย ที่ซื้อขายบนอีเบย์มากสุด คือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อัญมณีนาฬิกา และเครื่องกีฬา ซึ่งทุกๆ 27 วินาที พ่อค้าไทยบนอีเบย์ สามารถขายสินค้าประเภทอัญมณีและนาฬิกาได้หนึ่งชิ้น และทุก 56 วินาทีก็จะสามารถขายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายได้" แม็คโดนาห์ เล่าถึง ความร้อนแรง อีเบย์ ในไทย

เขาว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของ "อีเบย์" เพราะแนวโน้มของจำนวนพ่อค้า แม่ค้าไทยบนอีเบย์ ที่เข้าไปโพสต์ขายสินค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น

ปัจจุบันมีสินค้าคนไทยที่โพสต์ขึ้นไปขายบน "อี-เบย์" โดยสถิติในเดือนตุลาคม 2549 มียอดกว่า 115,480 ชิ้น สาม อันดับแรกของสินค้าไทยที่โพสต์ขายมากที่สุด และขายดีในอีเบย์ อันดับแรกเป็นอัญมณี เครื่องประดับ รองลงมาเป็นเสื้อผ้า และเครื่องกีฬา โดยเฉพาะ "กางเกงมวย"

"ปัจจุบัน อัญมณีไทยขายอยู่บนอีเบย์มากกว่า 50,000 ชิ้น เชื่อไหมคะว่า ทุกนาที จะขายอัญมณีได้อย่างต่ำ 3 ชิ้น ขณะที่สินค้าที่เป็นเสื้อผ้า ในทุก 1 ชั่วโมง จะสามารถขายได้ 67 ชิ้น อย่างเกม หรือดีวีดี 1 วันจะขายได้ประมาณ 67 ชิ้น" นารีมาลย์ เล่า

เธอบอกว่า สินค้าบางประเภทของไทย สามารถเป็นสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นทันที เช่น ร้านที่ขายไม้แกะสลัก หรือร้านขายผ้าไหมบนอีเบย์ สามารถทำรายได้ต่อเดือนถึง 100,000 เหรียญเลยทีเดียว

"ถ้าสินค้าเป็นชิ้นๆ โพสต์ขาย อย่างผ้าไหมที่จังหวัดลำพูน ราคาประมูลสูงสุดประมาณ 1,290 เหรียญ หรือประมาณ 4-5 หมื่นบาทนะคะ หรืออย่างสินค้าที่มาจากถนนคนเดินในจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นไปโพสต์ขายตั้งราคาต่ำสุดไว้ 0.99 เหรียญ สามารถถูกประมูลได้สูงสุดถึง 61 เหรียญ หรือไม่บางทีก็ขึ้นไปถึงระดับ 300-1,000 เหรียญ"

นารีมาลย์ บอกว่า สินค้าของไทยบนอีเบย์ ถือเป็นสินค้าที่ขายดี และมีศักยภาพสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งบางครั้งมันตรงกันข้ามกับตลาดขายของในไทย ที่เราอาจมองไม่เห็นมูลค่า แต่หากอยู่ใน "อีเบย์" แล้วมูลค่าสินค้าของไทย โดยเฉพาะงานฝีมือ โอท็อป มูลค่าจะสูงมาก

"การขายสินค้าบนอีเบย์ ถือเป็นการลงทุนที่ต่ำมาก อีเบย์จะคิดค่าฝากขายเริ่มต้น จะขายได้หรือไม่ เริ่มแรกต้องเสียค่าฝากขายประมาณ 20 เซนต์ หากขายได้อีเบย์จะหักค่าธรรมเนียมอีกครั้ง เช่นสินค้าราคาไม่เกิน 25 เหรียญ จะถูกหักค่าธรรมเนียมประมาณ 5.25% ขึ้นอยู่กับราคาสินค้า"

เธอ บอกว่า คนไทยที่เข้ามาขายของบนอีเบย์ จะเริ่มมีตั้งแต่มาขายแบบพาร์ทไทม์ หาเวลาว่างมาโพสต์ขาย กระทั่งผันตัวเองจากพาร์ทไทม์ มาขายเป็นเต็มเวลา ขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีร้านค้าบนอีเบย์เสร็จสรรพ

"ผมอยากให้อีเบย์ เป็นเครื่องมือที่คนไทยจะใช้เป็นช่องทางส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าที่มีชื่อเสียงของไทย เช่นพวกหัตถกรรม การฝีมือต่างๆ" แม็คโดนาห์ เสริม

เมื่อถามว่า เมืองไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้อีเบย์เป็นตลาดซื้อขายมากประเทศหนึ่ง แต่เหตุใด อีเบย์จึงยังไม่พัฒนาเวบไซต์อีเบย์ ไทยแลนด์ ที่ให้คนไทยสามารถโพสต์ซื้อขายสินค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมไปยังเวบกลาง "www. ebay.com"

แม็คโดนาห์ บอกว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อีเบย์คาดหวังว่าจะเปิดเวบไซต์อีเบย์เฉพาะ โดยไม่ต้องเชื่อมไปยังอีเบย์ ดอทคอม แต่ขอเวลาศึกษา และสำรวจตลาด ที่อาจต้องใช้เวลาสักระยะที่จะให้อีเบย์ได้รับความนิยม และแพร่หลายในไทยมากกว่านี้

"ผมเชื่อว่า ไทยมีการขยายตัวของการใช้อินเทอร์เน็ตที่ดีประเทศหนึ่ง รวมไปถึงพฤติกรรมของการชอปปิงบนอินเทอร์เน็ตของคนไทยก็มีสถิติที่น่าสนใจ แน่นอนว่า ในอนาคตเราต้องพัฒนาเวบไซต์อีเบย์ที่เป็นของประเทศไทยโดยเฉพาะ"

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ อีเบย์ได้จัดทำเวบไซต์แนะนำข้อมูลอีเบย์ภาคภาษาไทยขึ้นที่ www.ebay.co.th โดยใช้เป็นหน้าต่างเชื่อมโยงไปสู่ตลาดออนไลน์ทั่วโลก และเข้าสู่ www.ebay.com ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปลงทะเบียน และเริ่มการซื้อขายสินค้ากับผู้ซื้อผู้ขายทั่วโลกได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

แม็คโดนาห์ บอกว่า เวบนี้จะเป็นเวบที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอีเบย์ และเป็นช่องทางที่จะทำให้นักขายไทยได้รู้จักอีเบย์ เพิ่มมากขึ้น เวบนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรมการทำธุรกรรมอีเบย์ในไทย พร้อมทั้งการจัดทำคู่มือ “เริ่มต้นนักขายอีเบย์ ขายบนตลาดโลก” ฉบับภาษาไทย ซึ่งจะมีคำอธิบายการทำธุรกรรมบนอีเบย์อย่างเป็นขั้นตอน

"กิจกรรมเหล่านี้ ผมเชื่อว่าจะทำให้อีเบย์ เป็นที่สนใจของคนไทยมากขึ้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีเบย์ยังได้จัดประชุมสุดยอดผู้ขายในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายน และที่เชียงใหม่ เมื่อเดือนกันยายน เป็นการพบปะ พูดคุย รวมทั้งเสนอแนะเคล็ดลับที่ทำให้ผู้ขายไทยสามารถสร้างยอดขายของในอีเบย์ได้เพิ่มขึ้น" แม็คโดนาห์ เชื่ออย่างนั้น

เรื่องเล่าในตลาด

เมื่อไม่นานมานี้ "อีเบย์" เวบไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม และเปอร์เซ็นต์การวางสินค้า โดยค่าธรรมเนียมในการวางขายประมูลสินค้าผ่านเวบไซต์อีเบย์ กรณีที่ลูกค้าตั้งประมูล และราคาขายแบบเจาะจงระหว่าง 1-9.99 ดอลลาร์สหรัฐ จากที่เคยเก็บ 0.35 เซนต์ อัตราใหม่อีเบย์จะเก็บเป็น 40 เซนต์

และได้เพิ่มในส่วนค่าธรรมเนียมเมื่อขายสินค้าได้ จากเดิมที่เคยเก็บถ้าหากสินค้าที่ปิดการประมูลอยู่ระหว่าง 25.01-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของเดิมจะเก็บที่อัตรา 3% ซึ่งอัตราใหม่จะเก็บที่ 3.25%

อัตราค่าธรรมเนียมข้างต้น แม้ว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบหลายปี หากความเคลื่อนไหว และความคึกคักของการค้าขายบนโลกออนไลน์แห่งนี้ ยังคงดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีเบย์ยังคงเป็นตลาดซื้อขายกลางที่เปิดโอกาสให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกชั้น วรรณะ ได้เข้ามาทดลองเป็นเถ้าแก่บนโลกออนไลน์ ที่สามารถสร้างรายได้ได้ในระยะเวลาเพียงพริบตา

วันนี้ชุมชนอีเบย์ในไทยมีมากมาย อย่างน้อยก็ต้อง 5,000 คนขึ้นไป และเป็นตัวเลขที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกทุกวินาที คนไทยหลายคนใช้อีเบย์เป็นสถานที่สร้างงาน สร้างรายได้ บางคนทำเป็นอาชีพประจำ อีเบย์กับคนไทยในวันนี้ จึงไม่ใช่คนเพิ่งรู้จัก แต่กลายเป็นเพื่อนที่สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้นทุกวัน

"คนที่คิดจะทำการค้าขายบนอีเบย์ได้ต้องอดทน ไม่ใช่ลองนำสินค้าขึ้นมาโพสต์ขายแล้ว ขายไม่ได้ก็เลิก แม้ว่าวันนี้ของที่คุณขายอาจยังไม่โดนใจ ก็อย่าเพิ่งท้อ ต้องคิดหาวิธีการที่จะทำให้สินค้าเราเตะตาผู้ซื้อ วันนี้สินค้าของคุณอาจจะยังไม่โดนใจ แต่สักวันมันก็จะโดนใจคนซื้อได้เอง ประสบการณ์จะสอนเราเองว่า ต้องวางสินค้าแบบไหน แนวไหน คนซื้อถึงโดนใจสินค้านั้นได้ง่าย"

คำแนะนำของ "ณภัทร จรรยาประเสริฐ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมกะบาท จำกัด หญิงเก่งที่เริ่มขายของบนอีเบย์เมื่อ 7 ปีก่อน ด้วยรองเท้าเก่าๆ 1 คู่

ณภัทร เล่าว่า ครั้งแรกที่ขายของบนอีเบย์ ได้ลองนำรองเท้าคู่หนึ่งผ่านการซ่อมแซมมาแล้ว โพสต์ขาย ช่วงแรกไม่มีคนสนใจ โพสต์อยู่นานพอสมควร แต่ในท้ายที่สุดก็มีต่างชาติประมูลซื้อรองเท้าคู่นี้ไปด้วยราคาที่เธอไม่ยอมบอกว่าเท่าไหร่

"เคยรู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาคิดโปรดักท์เอง และก็ขายเองอยู่ที่ตลาดจตุจักร เขานำโปรดักท์ที่ขายอยู่มาโพสต์ขายบนอีเบย์ เชื่อไหมว่า แค่ระยะเวลาไม่นานสามารถสร้างรายได้เดือนละเป็นแสนบาท นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังจะบอกว่า คนที่จะขายของบนอีเบย์ นอกจากต้องอดทน ใจเย็นๆ แล้ว บางครั้งมันขึ้นอยู่ที่จังหวะ ขึ้นอยู่ที่ดวงด้วยเหมือนกัน"

ณภัทรยังเล่าถึงบริษัทเมกะบาท ว่า เป็นบริษัทพันธมิตรกับ "อีเบย์" โดยได้เปิดคอร์สฝึกอบรมหลักสูตรการขายบนอีเบย์ ตั้งแต่บทเริ่มต้น ณ วันนี้ ผู้เรียนในคลาสต่างๆ รวมถึงผู้ที่เรียนจบมีมากกว่า 5,000 คน

"จากที่เราเปิดคลาสสอน ทำให้รู้ว่าคนไทยสนใจที่จะขายของบนอีเบย์เพิ่มขึ้นทุกปี หลายคนอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็มาเริ่มที่เวบอีเบย์ ที่ผ่านมาคนไทยที่ค้าขายบนนี้ มีทั้งเปิดร้าน และขายของเป็นชิ้นๆ ถามว่าคนไทยนิยมแบบไหนมากกว่ากัน ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งเปิดเป็นร้าน และประมูลเป็นรายการ ซึ่งมันเริ่มมาจากโพสต์ขายเป็นชิ้น หากมีคนสนใจซื้อกันมาก ผู้ขายก็อาจตัดสินใจเปิดเป็นร้าน แต่ข้อแตกต่างจะอยู่ที่ หากเปิดเป็นร้านของที่ขายจะมีราคาตายตัว ที่ถูกกำหนดโดยผู้ขาย แต่หากขายเป็นชิ้น ราคาจะถูกประมูลไปจนถึงสุด ที่ไม่มีใครประมูลแข่งแล้ว มันก็มีจุดดี จุดเด่นต่างกัน" ณภัทร เล่า

ก่อนหน้านี้ มีสถิติที่เปิดเผยโดย "อีเบย์" บอกว่า สินค้าจากไทยที่ซื้อขายบนอีเบย์มากสุด คือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อัญมณี นาฬิกา และเครื่องกีฬา ซึ่งทุกๆ 27 วินาที พ่อค้าไทยบนอีเบย์ สามารถขายสินค้าประเภทอัญมณีและนาฬิกาได้หนึ่งชิ้น และทุก 56 วินาที ก็จะสามารถขายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายได้

แต่เมื่อถาม "ณภัทร" เธอกลับบอกว่า อะไรก็ขายได้บนอีเบย์ แต่ต้องไม่เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย

"ถามว่า สินค้าอะไรที่น่าจะขายได้ดีบนอีเบย์ จริงๆ มันไม่มีทิปอะไร ทุกอย่างขายได้ แต่มันอยู่ที่ดวง อยู่ที่จังหวะ ที่สำคัญหากคิดจะทำแล้วต้องทำทันที อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อะไรที่มันง่ายๆ ลงทะเบียนไว้เลย สมัคร PayPal (ธนาคารกลางออนไลน์) ไว้ให้เรียบร้อย แล้วก็เริ่มหาของมาขาย"

เธอบอกว่า สิ่งหนึ่งที่น่าจะเรียกว่าเป็น "เคล็ดลับ" ในการขายของบนอีเบย์ น่าจะอยู่ที่การบอกรายละเอียดของสินค้าให้ชัดเจนและดึงดูดใจ แค่ราคาขายคงไม่พอ

"เคล็ดลับอันหนึ่งที่เราเรียนรู้มา เมื่อโพสต์ขายสินค้าแล้ว ต้องเขียนชื่อสินค้าให้ดี ให้โดน ต้องบอกรายละเอียดของสินค้าให้น่าสนใจ เหมือนเอาใจเขามาใส่ใจเรา เวลาเราเป็นคนซื้อสินค้า ก็อยากจะรู้จักสินค้านั้นให้ได้มากที่สุด อย่างเช่นขายเสื้อยืด ก็ไม่ใช่บอกแค่ราคาเท่าไหร่ ไซส์อะไร ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้มีคนโพสต์ขายเสื้อยืด เหมา เจ๋อตุง เขาได้เขียนรายละเอียดประมาณเล่าเลยว่า เหมา เจอตุง ที่อยู่บนเสื้อยืด มีที่มาอย่างไร คนก็สนใจเขามาขอประมูลกันยกใหญ่ คือ ของทุกชิ้นมันต้องมีที่มาที่ไป ดังนั้นรายละเอียดของสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะบอกว่าเป็นเคล็ดลับการขายก็ได้"

ปัจจุบัน มีผู้ขายสินค้าบนอีเบย์จากประเทศไทย ระหว่างสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม มีสินค้าที่ขายในอีเบย์จากประเทศไทย จำนวน 96,577 รายการ สำหรับสินค้าที่มาวางขายกันบนอีเบย์ 3 รายการที่มากที่สุด ได้แก่ หมวดอัญมณี เสื้อผ้า และเครื่องกีฬา

โดยเชื่อว่าปีนี้จะมีผู้เข้ามาขายสินค้าในอีเบย์เพิ่มขึ้น เพราะตลาดเติบโตตามผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และพฤติกรรมของผู้ซื้อและผู้ขายที่นิยมการค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น